19.00 น. พร้อมกัน ณ เคาน์เตอร์เช็คอินสายการบินเตอร์กิช อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศสนามบินสุวรรณภูมิโดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านสัมภาระและเอกสารการเดินทางทำผ่านขั้นตอนการตรวจคนออกนอกประเทศ
23.30 น. ออกเดินทางสู่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยเที่ยวบิน TK 69 (ใช้เวลาบินประมาณ 10.25 ชั่วโมง) เพลิดเพลินกับภาพยนตร์หลากหลายกับ จอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง และสายการบินฯ บริการ อาหารกลางค่ำและอาหารเช้าระหว่างเที่ยวบินสู่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี
06.10 น. เดินทางถึงกรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร
หลังจากนั้นนำทุกท่านสู่เมืองอิสตันบูล ตันบูล นำชม สุเหร่าสีน้ำเงิน (BLUE MOSQUE) สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา ที่มีความสวยงามแห่งหนึ่ง ชื่อนี้ได้มาจากกระเบื้องเคลือบสีน้ำเงินที่ใช้ปูตลอดแนวฝาผนังด้านในและถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่ ซึ่งเคยเป็นวังของจักรพรรดิไบเซนไทน์ โดยสุลต่านอาหเม็ตที่ 1 ค.ศ. 1609 ใช้เวลาสร้างทั้งหมด7 ปีและ จากนั้นนำชม โบสถ์เซนต์โซเฟีย (St. Sophia) ซึ่งเป็นศิลปะแบบไบแซนไทม์ ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ สร้างขึ้นสมัยจักรพรรดิคอนสแตนติน ของจักรวรรดิไบแซนไทม์ เดิมใช้เป็นโบสถ์คริสต์แต่หลังจากจักรวรรดิออตโตมันเข้ามาปกครองจึงได้เปลี่ยนโบสถ์ดังกล่าวมาเป็นมัสยิด แต่ได้เปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติในสมัย เคมาล อะตาเติร์ก หลังจากที่เป็นโบสถ์ในศาสนาคริสต์เป็นเวลากว่า 916 ปี และเป็นมัสยิดของศาสนาอิสลามอีกกว่า 447 ปี ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมความงามและความยิ่งใหญ่ ภายในมีภาพประดับโมเสกทองที่สมบูรณ์บ่งบอกถึงความศรัทธาอันแรงกล้าของจักรพรรดิคอนสแตนตินที่มีต่อคริสต์ศาสนา
นำท่านชมความงามของพระราชวังฤดูร้อนเบย์เลอร์เบยี (Beylerbeyi Palace | Beylerbeyi Sarayi) ตั้งอยู่ในฝั่งเอเชียของช่องแคบบอสฟอรัส เป็นที่ประทับของราชวงศ์ในจักรวรรดิออตโตมันในช่วงฤดูร้อนและเป็นที่รับรองแขกบ้านแขกเมือง สร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2404-2408 โดยคำสั่งของสุลต่านอับดุลลาซิซ อาคารพระราชวังเบย์เลอร์เบยีมี 2 ชั้นและมีชั้นใต้ดินซึ่งใช้เป็นที่เก็บของและห้องครัว อิสระให้ท่านเก็บภาพประทับใจ
เที่ยง บริการอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร
นำท่าน ล่องเรือช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งเป็นช่องแคบที่เชื่อมทะเลดำ (The Black Sea) เข้ากับทะเลมาร์มาร่า (Sea Of Marmara) ความยาวทั้งสิ้นประมาณ 32 ก.ม. ความกว้าง ตั้งแต่ 500 เมตร จนถึง 3 ก.ม. ถือว่าสุดขอบของทวีปยุโรป และสุดขอบของทวีปเอเชียมาพบกันที่นี่ นอกจากความสวยงามแล้วช่องแคบบอสฟอรัสยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่งในการป้องกันประเทศตุรกีอีกด้วย เพราะมีป้อมปืนตั้งเรียงรายอยู่ตามช่องแคบเหล่านี้ ว่ากันว่าจะกระทั่งถึงยุคของการนำเอาเรือปืนใหญ่มาใช้ และไม่เคยปรากฏว่า กรุงอิสตันบูลถูกถล่มจนเสียหายอย่างหนักมาก่อนเลย ทั้งที่เป็นเพราะป้อมปืนดังกล่าวนี่เอง ในปีค.ศ.1973 มีการเปิดใช้สะพานบอสฟอรัส ซึ่งทำให้เกิดการเดินทางไปมาระหว่างฝั่งเอเชียและยุโรปสะดวกมากขึ้น ขณะล่องเรือท่านจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ สองข้างทาง ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังโดลมาบาเช่ หรือบ้านเรือนสไตล์ยุโรปของบรรดาเศรษฐี ซึ่งล้วนแต่สวยงามตระการตาทั้งสิ้น ได้เวลาอันสมควรนำท่านสู่ ตลาดสไปซ์มาร์เกต อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อของฝาก ท่านสามารถเลือกซื้อของฝากได้ในราคาย่อมเยาว์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ ชาหรือกาแฟ รวมถึงผลไม้อบแห้งอันขึ้นชื่อของตุรกีอย่าง แอปปลิคอท หรือจะเป็นถั่วพิทาชิโอ ซึ่งมีให้เลือกซื้อมากมาย
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่ที่พัก MARMA HOTEL ISTANBUL ASIA HOTEL4* หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองบูซ่าร์ Bursa เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของตุรกี มีความสำคัญและใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของประเทศและเมืองนี้ยังมีชื่อเสียงทางด้านเส้นไหมเพื่อส่งออกไปยังตลาดต่างๆ ในอดีตเคยเป็นศูนย์กลางการปกครองของอาณาจักรออตโตมาน ตั้งแต่ปีค.ศ.1326-1362 และ จากนั้นได้ย้ายเมืองหลวงไปตั้งที่เอดิร์เน ที่อยู่ทางด้านเหนือของกรุงคอนสแตนดิโนเปิล นำท่านสู่ตลาดผ้าไหมเมืองบูร์ซา Bursa Silk Market โดยตลาดแห่งนี้ค้าขายผลิตภัณฑ์จากผ้าไหมเป็นหลัก และด้วยสีสันของผ้าไหมที่สดใสนี่เองที่ทำให้ตลาดแห่งนี้กลายเป็นตลาดที่สวยงามที่สุด จนครั้งหนึ่งสมเด็จพระนางเจ้า ควีนอลิซาเบท แห่งอังกฤษเคยมาเยือนด้วย
เที่ยง บริการอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางสู่ เมืองชานัคคาเล่ (Cannakkale) ซึ่งตั้งอยู่บนทะเลมาร์มาราและทะเลอีเจียน เมืองแห่งนี้จึงเคยเป็นชุมทางการค้า ศูนย์กลางการเดินเรือเชื่อมต่อเอเชียกับยุโรป นำท่านชมม้าไม้จำลองแห่งกรุงทรอย ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์อันชาญฉลาดด้านกลศึกของนักรบโบราณโดยเป็นสาเหตุทำให้กรุงทรอยแตก ให้ท่านได้เก็บภาพประทับใจกับม้าไม้เมืองทรอยที่ตั้งตระง่านอยู่กลางเมือง จากนั้นเดินทางสู่โรงแรมที่พัก
บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก (บุฟเฟ่ต์)
นำท่านเข้าสู่ที่พัก BUYUK TRUVA HOTEL 4* หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เดินทางสู่เมืองเพอร์กามัม (Pergamum) ที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นที่ตั้งเมืองโบราณของกรีกที่มีความสำคัญของพวกเฮเลนนิสติก ถูกสร้างในราวปี 281-133 ก่อนคริสตกาลโดยไลซีมาคุส ที่เป็นแม่ทัพของอเล็กซานเดอร์มหาราช จนกระทั่งถึงราชวงศ์แอทตาลิด จึงได้ยกให้กับโรมัน นำท่านชมหมุ่บ้านกรีกโบราณ กาลเวลาที่ล่วงเลยมานับพันปีในอดีตนั้นเมืองนี้คือเมืองที่เคยเจริญรุ่งเรืองจนถึงขีดสุดมาแล้วในสมัยกรีกโบราณ ซึ่งปัจจุบันนี้เป็นยังคงเป็นรักษารูปแบบการสร้างบ้านแบบโบราณหลากหลายสีสันสดใน อิสระให้ท่านเดินชมเมืองและเก็บภาพประทับใจและสัมผัสวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น
เที่ยง บริการอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร
เดินทางสู่เมืองคูซาดาซีตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศตุรกีตัดกับชายฝั่งทะเลอีเจี้ยนซึ่งเป็นท่าเรือที่สำคัญ ระหว่างการเดินทางท่านจะได้ชมทัศนียภาพอันสวยงามของท้องทะเลสีฟ้าครามของทะเลอีเจี้ยน จากนั้นนำท่านสู่หมู่บ้านออตโตมันดั้งเดิม ชมอารยะธรรมและบ้านเรือนสมัยแบบเก่าของสมัยออตโตมันที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน อิสระให้ท่านเก็บภาพประทับใจ และเลือกชมซื้อสินค้าพื้นเมือง ได้เวลาอันสมมควร
ค่ำ บริการอาหารค่ำ (บุฟเฟ่ต์) ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าสู่ที่พัก RAMADA HOTEL 5* หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านสู่เมืองเอฟฟิซุส (City of Ephesus) เมืองโบราณ ที่ขนานนามว่า มหานครแห่งแรกและยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย ที่มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีเมืองหนึ่งเคยเป็นที่อยู่ของชาวโยนก (Ionian) จากกรีก ซึ่งอพยพเข้ามาปักหลักสร้างเมือง ซึ่งรุ่งเรืองขึ้นในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสตกาล ต่อมาถูกรุกรานเข้ายึดครองโดยพวกเปอร์เซียและกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราชภายหลังเมื่อโรมันเข้าครอบครองก็ได้สถาปนา “เอฟฟิซุส” ขึ้นเป็นเมืองหลวงต่างจังหวัดของโรมัน นำท่านเดินบนถนนหินอ่อนผ่านใจกลางเมืองเก่าที่สองข้างทางเต็มไปด้วยซากสิ่งก่อสร้างเมื่อสมัย 2,000 ปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงละครกลางแจ้งที่สามารถจุผู้ชมได้กว่า 30,000 คน ซึ่งยังคงใช้งานได้จนถึงปัจจุบันนี้ นำท่านชมห้องอาบน้ำแบบโรมันโบราณ (ROMAN BATH) ที่ยังคงเหลือร่องรอยของห้องอบไอน้ำให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้, ห้องสมุดโบราณที่มีวิธีการเก็บรักษาหนังสือไว้ได้เป็นอย่างดีทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นศิลปะแบบเฮเลนนิสติคที่มีความประณีต จากนั้นนำท่านเก็บภาพประทับใจกับอนุสรณ์สถานของพระแม่มารี (Virgin Mary Statue) จากนั้นนำท่านเยี่ยมชมโรงงานเครื่องหนัง (Leather Jacket Factory) ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังของประเทศตุรกี ตุรกีเป็นประเทศที่ผลิตหนังที่มีคุณภาพที่สุด อีกทั้งยังผลิตเสื้อหนังส่งให้กับแบรนด์ดังในอิตาลี เช่น Versace , Prada , Michael Kors อิสระให้ท่านเลือกซื้อสินค้าได้ตามอัธยาศัย
เที่ยง บริการอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางสู่เมืองปามุคคาเล่ (PAMUKKALE) เข้าชมปราสาทปุยฝ้าย เมืองที่มีน้ำพุเกลือแร่ร้อนไหลทะลุขึ้นมาจากใต้ดินผ่านซากปรักหักพังของเมืองเก่าแก่สมัยกรีกก่อนที่ไหลลงสู่หน้าผาผลจากการไหลของน้ำพุเกลือแร่ร้อนนี้ได้ก่อให้เกิดทัศนียภาพของน้ำตกสีขาวเป็นชั้นๆหลายชั้นและผลจากการแข็งตัวของแคลเซียมทำให้เกิดเป็นแก่งหินสีขาวราวหิมะขวางทางน้ำเป็นทางยาว ซึ่งมีความงดงามมาก ปามุคคาเล่ ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในปี ค.ศ. 1988
ค่ำ บริการอาหารค่ำ (บุฟเฟ่ต์) ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าสู่ที่พัก RICHMOND THERMAL HOTEL 5* หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองคอนย่า (Konya) อดีตเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจูคเติร์กในช่วงปี ค.ศ. 1071 - 1308 รวมทั้งยังเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของภูมิภาคแถบนี้
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
เดินทางสู่ เมืองคัปปาโดเกีย เป็นเมืองที่อยู่ระหว่างทะเลดำกับภูเขาเทารุส เป็นดินแดนที่มีภูมิประเทศอันน่าอัศจรรย์ซึ่งเกิดจากลาวาภูเขาไฟที่ไหลออกมาปกคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง แล้วทับถมเป็นเวลาหลายล้านปี เมื่อวันเวลาผ่านไป พายุ ลม ฝน และหิมะได้เป็นกัดเซาะแผ่นดิน มาเรื่อยๆ ก่อให้เกิดการแปรสภาพเป็นหุบเขาร่องลึก เนินเขา กรวยหินและเสารูปทรงต่างๆ เกิดเป็นภูมิประเทศที่งดงาม แปลกตาและน่าอัศจรรย์ ดั่งสวรรค์บนดิน จนได้ชื่อว่า “ดินแดนแห่งปล่องนางฟ้า” และได้รับการแต่งตั้งจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของตุรกี และยังเป็นเมืองที่มีความสำคัญมาแต่โบราณกาลเพราะเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหม เส้นทางค้าขายและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่ทอดยาวจากตุรกีไปจรดประเทศจีน โดยระหว่างทางนำท่านชมความสวยงามของ “คาราวานสไรน์” ที่พักแรมและที่แลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างทางของชาวเติร์กในสมัยออตโตมัน ในการเดินทางนี้ท่านจะได้ชมทัศนียภาพที่งดงามตามธรรมชาติตลอดสองฝั่งทางของภูมิภาคตอนกลางของตุรกี รวมถึงวิถีชีวิตตามชนบทและทัศนียภาพที่สวยงามของทุ่งหญ้าสลับกับภูเขาซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของคัปปาโดเกีย
ค่ำ บริการอาหารค่ำ (บุฟเฟ่ต์) ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าสู่ที่พัก DEDELI CAVE HOTEL 5* หรือเทียบเท่า
* หมายเหตุ: กรณีห้องพักของโรงแรมถ้ำเต็ม ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนเป็นโรงแรมเทียบเท่าระดับเดียวกัน
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
05.00 น. สำหรับท่านที่สนใจนั่งบอลลูน พร้อมกัน ณ บริเวณล๊อบบี้ **(ทัวร์นั่งบอลลูนนี้ไม่รวมอยู่ในรายการทัวร์ ทัวร์ ค่าขึ้นบอลลูนราคาเริ้มต้นที่ 280-380 ดอลล่าสหรัฐ ในกรณีที่ชำระด้วยเงินสด บริษัทตัวแทนผู้ให้บริการทัวร์บอลลูนในตุรกี มีประกันภัยให้กับทุกท่าน แต่สำหรับประกันภัยที่ทำจากเมืองไทย ไม่ครอบคลุมการขึ้นบอลลูน และเครื่องร่อนทุกประเภท ดังนั้นการเลือกซื้อ Optional Tourรายการนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแต่ละท่าน)**
นำท่านชม นครใต้ดิน(underground city) ซึ่งเกิดจาการขุดเจาะพื้นดินลงไป 10 กว่าชั้น เพื่อใช้เป็นที่หลบภัยจากข้าศึกศัตรูในยามสงคราม ของชาวคัปปาโดเกียในอดีต โดยทั้งจากชาวอาหรับจากทางตะวันออกที่ที่ต้องการเข้ามายึดครองดินแดนนี้เพื่อประโยชน์ทางการค้า และชาวโรมันจากทางตะวันตก ด้วยเหตุผลเดียวกัน รวมทั้งต้องการที่จะหยุดยั้งการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในดินแดนแถบนี้ด้วย โดยชั้นล่างที่ลึกที่สุด ลึกถึง 85 เมตร เมืองใต้ดินแห่งนี้มีครบทุกอย่าง ทั้งห้องโถง, ห้องนอน, ห้องน้ำ, ห้องถนอมอาหาร, ห้องครัว, ห้องอาหาร, โบสถ์, ทางหนีฉุกเฉิน ฯลฯ แม้จะเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่ขุดลึกลงไปใต้ดินหลายชั้น แต่ว่าอากาศในนั้นถ่ายเทเย็นสบาย หน้าร้อนอากาศเย็น หน้าหนาวอากาศอบอุ่น มีอุณหภูมิเฉลี่ย 17-18 องศาเซลเซียส และด้วยการออกแบบที่ดี มีทางออกฉุกเฉินที่เป็นทางระบายอากาศไปในตัส ทำให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านสู่ เมืองอุชิซาร์ เป็นพื้นที่ที่มีจุดเด่นคือภูเขาขนาดใหญ่มีรูพรุนเหมือนรวงผึ้ง รายล้อมไปด้วย หินทรงกระโจม กรวยคว่ำ และเจดีย์เต็มไปหมด ที่สำคัญก็คือส่วนหนึ่งของหินเหล่านี้มีคนอาศัยอยู่ภายใน ในลักษณะ“บ้านถ้ำ” มาช้านานนับจากอดีตถึงปัจจุบัน เป็นการอยู่อาศัยแบบ“เจาะเข้าไป”ภายในหิน โดยไม่มีการ“ทุบทำลายหิน”เหล่านี้ทิ้งเพื่อปรับพื้นที่ให้ราบเรียบแต่อย่างใด ส่วนบ้านที่ปลูกสร้างขึ้นใหม่ก็ทำอย่างกลมกลืน ไม่ทำลายทัศนียภาพ นับเป็นการอยู่อาศัยกับธรรมชาติอย่างอิงแอบพึ่งพิงที่น่ายกย่องเป็นอย่างยิ่ง นำท่านสู่ หมู่บ้านอวานอส ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับเครื่องปั้นดินเผา และงานเซรามิค แทบทุกร้านจะมีผลิตภัณฑ์จากงานปั้นวางอยู่หน้าร้าน แต่ในบ้านมีโชว์เครื่องปั้นหม้อทุกบ้าน อวานอสเป็นเมืองเล็กๆที่มีแม่น้ำไหลผ่าน แต่เป็นแม่น้ำที่มีตะกอนแดง ชาวบ้านเลยนำดินจากแม่น้ำมาลองปั้นใช้เป็นอุปกรณ์ ของเครื่องใช้ ที่ใช้ภายในบ้าน เช่น ถ้วย ชาม ไห ฯลฯ ต่อมาได้เริ่มปั้นพวกโอ่ง แจกัน และเครื่องประดับบ้าน ชมการสาธิตการทำเครื่องปั้นดินเผาของแบบดั้งเดิมของชาวคัปปาโดเกีย
ค่ำ บริการอาหารค่ำ (บุฟเฟ่ต์) ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าสู่ที่พัก DEDELI CAVE HOTEL 5* หรือเทียบเท่า
* หมายเหตุ: กรณีห้องพักของโรงแรมถ้ำเต็ม ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนเป็นโรงแรมเทียบเท่าระดับเดียวกัน
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านสู่หุบเขาเดฟเรนท์ (Devrent Valley) หุบเขาแห่งจินตนาการ ตื่นตากับอัศจรรย์ของภูมิประเทศที่แปลกตาที่ดูคล้ายพื้นผิวดวงจันทร์ หรือดาวเคราะห์ดวงอื่น ในจักรวาลมากกว่าพื้นผิวโลก เต็มไปด้วยหินรูปทรงแปลกตา อิสระให้ท่านเก็บภาพ panoramic view จากนั้นนำท่านชมหมู่บ้านของนกพิราบ โดยชาวบ้านได้ขุดเจาะโพรง เจาะรูเอาไว้ให้นกมาอยู่อาศัยเพื่อจะได้เก็บขี้นกพิราบไป อิสระให้ท่านเก็บภาพประทับใจได้เวลาอันสมควร นำท่านเข้าชมโรงงานผลิตพรม (Carpet School & Factory) ชมวิธีการทอพรมแบบดั้งเดิมซึ่งถือได้ว่าเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงของตุรกี
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย เดินทางสู่ เมืองไคเซอร์รี่ มุ่งหน้าสู่ยอดเขา Erciyes ซึ่งเป็นแหล่งสกีรีสอร์ท ผู้ที่ชอบเล่นสกีต่างนิยมมาเล่นสกีกันในฤดูหนาวที่ยอดเขาแห่งนี้ อิสระเล่นสกีตามอัธยาศัย (ไม่รวมค่าอุปกรณ์เล่นสกี) หรือจะเลือกถ่ายภาพกับหิมะที่ปกคลุมยอดเขาสุดลูกหูลูกตาซึ่งเป็นทัศนียภาพที่สวยงามของประเทศตุรกี หมายเหตุทั้งนี้การเดินทางสู่สกีรีสอร์ทขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ หากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงรายการเดินทาง นำท่านสู่ย่านช้อปปิ้งแทนให้ท่านได้มีเวลาเลือกชื้อของฝากต่างๆ ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่สนามบิน Kayseri
21.00-22.35 น. เดินทางสู่สนามบินอิสตันบูล เที่ยวบินที่ TK2021 (บินภายในประเทศ)
**ค่ำ อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย**
01.55 น. ออกเดินทางสู่ประเทศไทย โดยเที่ยวบินที่ TK 68 (ใช้เวลาบินประมาณ 9 ชั่วโมง)
15.00 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดีภาพและความประทับใจ
55 หมู่ 6 ดอนเปา แม่วาง เชียงใหม่ 50360