--.-- น. สมาชิกทุกท่านพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 เคาน์เตอร์ U สายการบินไทย พร้อมเจ้าหน้าที่คอยดูแลเช็คสัมภาระและบัตรที่นั่งบนเครื่อง
--.-- น. ออกเดินทางสู่ เดลลี (ดินเดีย) โดยสายการบิน ไทย เที่ยวบินที่ TG323 (เดินทาง 04.30 ชม.) (บริการอาหารเช้าบนเครื่อง)
09.55 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติ เดลลี หลังผ่านการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร
เที่ยวชมกรุงเดลลีใหม่ ซึ่งมีการออกแบบและการวางผังเมืองโดยชาวอังกฤษในช่วงปี ค.ศ.1920 ซึ่งแสดงถึงความ ทันสมัยและคล้ายกับผังเมืองวอชิงตันดี.ซี.มาก ผ่านชม “ประตูชัยอินเดีย” หรือ “อินเดียเกรท” อันสูงใหญ่สง่างาม คล้ายประตูชัยในปารีส ชมตึกที่ทำการของคณะรัฐบาล ทำเนียบประธานาธิบดีหราษฎร์ปติภาวัน (Rashtrapati Bhawan)ปัจจุบันใช้เป็นที่พำนักของท่านประธานาธิบดีอินเดียกลางกรุงเดลลี
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหาร
สวนสาธารณะกรีนปาร์ค และ ชมหอคอยกุตับมินาร์ ซึ่งตั้งสูงเด่นสามารถมองเห็นได้แต่ไกล หอคอยแห่งนี้มีความสูงจากพื้นดินประมาณ 73 เมตรเพื่อใช้สำหรับดูดวงดาว และชมวิวแม่น้ำ ยมุนา ให้ท่านได้มีเวลาเลือกซื้อสินค้าที่ระลึกจากกรุงเดลลี
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ที่พัก
พักที่ : Holiday Inn Delhi Hotel หรือระดับเทียบเท่า
……..น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินภายในประเทศ เพื่อเดินทางสู่เมืองพาราณสี เที่ยวบินที่ 6E-2414
06.40 น. ออกเดินทางสู่เมืองสนามบินพาราณาสี โดยสายการบิน Indigo airline เที่ยวบินที่ I5712
07.55 น. เดินทางถึงเมืองพาราณาสี (เดินทาง 01.25 ชม.)
เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหาร (พักผ่อนตามอัธยาศัย)
พาราณสี เป็นเมืองเก่าแก่กว่า 6,000 ปี ไม่เคยร้าง ในชาดกได้ระบุชื่อเมืองนี้มากมาย ผู้ครองเมืองก็มักจะชื่อพระเจ้าพรหมทัตต์ คุ้นหูของชาวพุทธมาก สมัยพุทธกาล เมืองนี้เกี่ยวข้องกับพระพุทธองค์ ตอนตรัสรู้แล้วใหม่ๆ ได้เสด็จจากอุรุเวลาเสนานิคม มายังป่าอิสิปตนมฤคทายวัน (ป่าเป็นที่ปฏิบัติธรรมของฤาษีอันเป็นเขตอภัยทาน) ปัจจุบันเมืองนี้เรียกว่า สารนาถ (ที่พึ่งของหมู่กวาง) นำท่านล่องเรือชมแม่น้ำคงคา ซึ่งชาวฮินดูเชื่อว่าเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์เพราะไหลมาจากภูเขาไกรลาส (Mt.Kailash) บนสรวงสวรรค์ (ตามหลักภูมิศาสตร์แม่น้ำนี้ไหลมาจากเทือกเขาหิมาลัย,ประเทศเนปาล) ชมพิธีบูชาพระอาทิตย์และการอาบน้ำล้างบาปของชาวฮินดูริมฝั่งแม่น้ำคงคาและพิธีการเผาศพซึ่งมีมานานกว่า 4,000 ปี โดยกองไฟที่เผาศพไม่เคยดับมอดลงเลย
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหาร
นำท่านเดินทางสู่ “สารนาถ” เดิมเรียกว่า “ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน” ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที แวะชม “เจาขัณฑีสถูป” สถานที่ที่พระพุทธองค์ทรงพบปัจจวคีย์ จากนั้นเข้าสู่ ธัมเมกขสถูป บูชาสักการะ พระมูลคันธกุฏิ กุฏิที่พระพุทธองค์จำพรรษาครั้งแรกหลังจากตรัสรู้ ชมหลักศิลาจารึกของพระเจ้าอโศกมหาราชอันเป็นหลักฐานสำคัญสื่อให้รู้ว่าเป็นสถานที่พระพุทธองค์ได้แสดงปฐมเทศนาเป็นครั้งแรก ชม “ยะสะเจดีย์” สถานที่ยะสะกุลบุตรพบพระพุทธองค์ แล้วชม สังฆาราม กว่า 1,000 หลัง
นำท่านเข้าชม “พิพิธภัณฑ์ สารนาถ” ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางปฐมเทศนาที่เก่าแก่ และงดงามที่สุดในโลก พระพุทธรูปองค์นี้ได้ส่งประกวดระดับโลก และชนะเลิศมาแล้วหลายครั้ง จากนั้นเดินทางกลับพาราณสี จากนั้นนำท่านเลือกซื้อของฝากจากเมืองพาราณสี
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ที่พัก
พักที่ : Holiday Inn Hotel หรือระดับเทียบเท่า
06.00 น. รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
07.00 น. เดินทางสู่ เมืองพุทธคยา (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6-8 ชั่วโมง แล้วแต่สภาพ การจราจร)
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ระหว่างทาง
นำท่านสู่ภายในปริมณฑล “ต้นพระศรีมหาโพธิ์พุทธคยา” และ “พระมหาเจดีย์พุทธคยา” อันสูงตระหง่านเป็นสักขีพยาน ณ สถานที่ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณของพระผู้มีพระภาคเจ้า กราบสักการะองค์หลวงพ่อ พระพุทธเมตตา พระพุทธปฏิมากรปางชนะมารอายุ 1,400 ปีเศษ ที่รอดพ้นจากการถูกทำลายจากน้ำมือกษัตริย์ฮินดูอย่างปาฏิหาริย์ ประดิษฐานภายในมหาเจดีย์พุทธคยา ด้วยพระพักตร์ที่แสดงออกด้วยเมตตากรุณาอั้นเปี่ยมล้น ชาวพุทธทั่วโลกจึงต่างพากันเบียดเสียดเพื่อเข้าไปกราบไหว้บูชา นำท่านสักการะแทบบาทพระศาสดา ถวายเป็นพุทธบูชา ณ โพธิ์บัลลังค์พระแท่นวัชรอาสน์ ภายใต้ร่มพระศรีมหาโพธิ์อันศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในดินแดนถิ่นพุทธภูมิ และนมัสการสัตตมหาสถาน ที่สำคัญอันอยู่ใกล้เคียง ได้แก่ อนิมิสสะเจดีย์ รันตนฆะระเจดีย์ และรัตนจงกรมเจดีย์ เป็นต้น เดินทางสู่ บ้านนางสุชาดา ธิดากุฎุมพี แห่งตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ผู้ถวายข้าวมธุปายาส อันประณีตแด่พระมหาบรุษก่อนการตรัสรู้ อยู่ห่างจากฝั่งแม่น้ำเนรัญชราประมาณ 200 เมตร ปัจจุบันเป็นโบราณสถานซากสถูปขนาดใหญ่ สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ชม แม่น้ำเนรัญชรา สายน้ำที่พระพุทธองค์ทรงอธิษฐานจิตลอยถาดทองคำที่นางสุชาดาถวายพร้อมข้าวมธุปายาสก่อนวันที่จะตรัสรู้หนึ่งวัน จากนั้นชม วัดชาวพุทธนานาชาติ ภายในบริเวณมณฑลพุทธคยา มีชาวพุทธจากนานาประเทศมาสร้างวัดตามสถาปัตยกรรมแห่งชาติของตนมากมาย เช่น “วัดภูฐาน วัดญี่ปุ่น วัดทิเบต”
นำท่านเยี่ยมชม “วัดไทยพุทธคยา” เป็นวัดไทยแห่งแรกในประเทศอินเดีย เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 มีเนื้อที่ราว 12 ไร่ ตั้งอยู่บริเวณพุทธคยา อยู่ห่างจากองค์เจดีย์พุทธคยาประมาณ 500 เมตร เป็นวัดที่อยู่ในความดูแลและอุปถัมภ์ของรัฐบาลไทย ปัจจุบันมีพระธรรมโพธิวงศ์ (วีรยุทธ์ วีรยุทฺโธ) เป็นเจ้าอาวาส พระอุโบสถของวัดไทยพุทธคยาจำลองแบบมาจากวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหารกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสถาปัตยกรรมของสมัยรัตนโกสินทร์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งการจำลองแบบจนดูเหมือนนี้ไม่ใช่เฉพาะภายนอก แต่ยังมีภายในที่เหมือนกันด้วย เช่น องค์พระประธานที่เป็นพระพุทธชินราช แกลประตู แกลหน้าต่าง เป็นต้นร่วมทำบุญทอดผ้าป่าถวาย ณ วัดไทยพุทธคยา
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ที่พัก
จากนั้นพักผ่อน หรือเดินทางไปไหว้ พระมหาเจดีย์พุทธคยา ปฎิบัติสมาธิใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ (บริเวณต้นพระศรีมหาโพธิ์ปิด 21.00 น.)
พักที่ : Holiday Inn Hotel หรือระดับเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
07.00 น. เดินทางสู่ “เมืองราชคฤห์” (ระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2-3 ชั่วโมง)
เมืองราชคฤห์ ในอดีตเป็นเมืองหลวงของแคว้นมคธ พระเจ้าพิมพิสารครองเมือง ตั้งอยู่บนหุบเขา ทุกทิศมีภูเขา 5 ลูกล้อมรอบ คือ เวปุลละ, เวการะ, ปัณฑวะ, อิสิคิริ และคิชกูฏ นำท่านผ่านชม “ซากกำแพงเมืองโบราณ” เมื่อผ่านซากกำแพงเมืองโบราณแล้ว จะพบโบราณสถานอีกแห่งหนึ่งคือ สถูปที่พบกันระหว่างพระเจ้าพิมพิสารกับมหาบรุษก่อนตรัสรู้
09.30 น. นำท่านขึ้น “เขาคิชฌกูฏ” เพื่อนมัสการ พระคันธกุฎิ กุฏิพระพุทธองค์
การขึ้นเขาคิชฌกูฏ เป็นการเดินขึ้นที่สูง ลาดชันพอประมาณ ระยะทางโดยรวมประมาณ 750 เมตร ทุกท่านจะต้องเดินขึ้น รถยนต์ไม่สามารถขี้นไปถึง สามารถเดินขึ้นได้ ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็ถึงสำหรับท่านที่เดินไม่ไหว ก็สามารถขึ้นได้โดยวิธีการนั่งเสลี่ยง โปรดแจ้งหัวหน้าทัวร์ล่วงหน้า
ระหว่างเดินทางขึ้นเขานำท่านแวะชมสถานที่ พระเทวทัตต์กลิ้งก้อนหินใส่พระพุทธองค์ ถ้ำพระมหาโมคลานะ ถ้ำสุกรขาตา ที่พระสารีบุตรบรรลุพระอรหันต์ ถึงยอดเขาคิชฌกูฏ นำท่าน ทำสมาธิภาวนา ณ พระคันธกุฎิ ชมทิวทัศน์เมืองราชคฤห์จากพื้นสูง ได้เวลาอันสมควรนำท่านลงจากยอดเขา แวะชมซากชีวกัมพวัน “สวนมะม่วงของหมอชีวก” เป็น ซากอารามของหมอชีวกชีวกโกมารภัจจ์ ยกสวนมะม่วงถวายในคราวที่พระเทวทัตต์ประทุษร้ายพระองค์ โดยกลิ้งหินลงใส่พระพุทธองค์ ทำให้สะเก็ดหินกระเด็นถูกพระบาทของพระองค์จนห้อพระโลหิต หมอชีวกโกมารภัจจ์ ถวายการรักษาพยาบาล ณ อารามแห่งนี้
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ระหว่างทาง
นำท่านเข้าสู่ “วัดเวฬุวันมหาวิหาร” ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของวัด คือ วัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา ที่พระเจ้าพิมพิสาร ทรงยกพระราชอุทยานสวนไม้ไผ่ถวายเป็นที่ประทับแห่งแรกแด่พระพุทธเจ้าและเหล่าพระสงฆ์สาวก พุทธองค์ทรงประทับจำพรรษา ณ ที่แห่งนี้แล้ว 6 พรรษา เจริญพระพุทธมนต์เจริญสมาธิภาวนา ณ อุโบสถ สถานที่ประชุมพระสาวกอรหันต์ 1,250 รูป ในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งเรียก การประชุมนี้ว่า จาตุรงคสันนิบาต มูลเหตุแห่งพิธีมาฆบูชา และพุทธองค์ได้ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์แก่ภิกษุเหล่านั้น
นำท่านแวะชม “นาลันทา” (Nalanda mahavihara) ซากมหาวิทยาลัยพุทธศาสนาที่เคยรุ่งเรืองโด่งดังมากที่สุดในโลก มีพระนักศึกษาจำนวนหมื่น เมื่อราว พ.ศ.1700 ได้ถูกชาวมุสลิมรุกรานสังหารพระและคณาจารย์และเผาทำลายเสียสิ้นปัจจุบันเหลือไว้แต่ ซากปรักหักพังปรากฏเป็นรูปฐานและผนังของอาคารยาวเหยียด ในบริเวณอันกว้างขวาง และสถานที่แห่งนี้ยังเป็นบ้านเกิดของ พระโมคคัลลาน์ พระสารีบุตร สักการะ สถูปพระสารีบุตร สถูปเจดีย์ที่บรรจุอัฐิธาตุของพระสารีบุตร ได้เวลาอันสมควรเดินทางต่อสู่เมืองราชคฤห์
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ที่พัก
พักที่ : Holiday Inn Hotel หรือระดับเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
08.00 น. เดินทางสู่ เมืองไวสาลี หรือเวสาลี (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-6 ชั่วโมง แล้วแต่สภาพ การจราจร)
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ระหว่างทาง
“เมืองไวสาลี” เป็นเมืองหลวงแห่งแคว้นที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากแคว้นหนึ่งในบรรดา 16 แคว้นของชมพูทวีป มีความสำคัญในฐานะที่เป็นเมืองหลวงของคณะเจ้าลิจฉวี เมืองนี้เป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่งในสมัยพุทธกาล ชม “กูฏาคารศาลา” สถานที่พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้พระนางมหาปชาบดีโคตมีเถรี พระน้านางของพระพุทธองค์ พร้อมกับบริวาร สามารถอุปสมบทเป็นภิกษุณีได้เป็นครั้งแรกในโลก ชมพระสถูปปาวาลเจดีย์ สถานที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงปลงอายุสังขารเป็นครั้งสุดท้าย พุทธวาจาในวันปลงอายุสังขาร “สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมเป็นธรรมดา ขอท่านทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด ชนเหล่าใดทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ ทั้งพาล ทั้งบัณฑิต ทั้งมั่งมี ทั้งขัดสน ล้วนมีความตายเป็นเบื้องหน้า” ต่อจากนั้นอีก 3 เดือน จึงเสด็จดับขันธปรินิพพาน ณ เมืองกุสินารา
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ที่พัก
พักที่ : Holiday Inn Hotel หรือระดับเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
--.-- นำท่านเดินทางสู่ เมืองกุสินารา (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4-5 ชั่วโมง แล้วแต่สภาพการจราจร)
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ระหว่างทาง
ถึง กุสินารา เมืองที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน ปัจจุบันตั้งอยู่ ณ ตำบลกาเซีย เมืองโครักขปูร์ เดินทางสู่ “สาลวโนทยาน” สถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพาน บูชาสักการะ พระพุทธรูปปางปรินิพพาน (ยาว 6 เมตร) ซึ่งประดิษฐานอยู่ในมหาปรินิพพานวิหารและเจริญพระพุทธมนต์เจริญจิตตะภาวนา ปิดทองที่ฝ่าพระบาท จุดธูปเทียน ปทักษิณรอบ ปรินิพพานวิหาร แล้วชม สถานที่พระอานนท์เกาะสลักเพชรร้องไห้ ซากปรักหักพังของกุฎิ เจดีย์ ชมต้นสาละอันเป็นต้นไม้ที่พระพุทธองค์ได้เสด็จดับขันธ์เสร็จ
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ “มกุฏพันธนเจดีย์” ปัจจุบันเป็นซากเจดีย์ทรงกลมขนาดใหญ่ สร้างขึ้นมาหลังการถวายพระเพลิง ชาวบ้านเรียกว่า รามภาร์ (Ramabhar) เป็นสถูปโบราณที่ถูกสร้างขึ้นตรงสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของ พระพุทธเจ้า มกุฏพันธนเจดีย์ได้ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัย พระเจ้าอโศกมหาราช บริเวณด้านตะวันออกของ เมืองกุสินารา หรือปัจจุบันคือ ตำบลกาเซีย รัฐอุตตรประเทศ ตรงบริเวณที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้าใน วันอัฏฐมีบูชา เดิมทีบริเวณมกุฏพันธนเจดีย์เป็นเชิงตะกอนไม้จันทน์หอมเพื่อใช้สำหรับถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้า ต่อมาพระเจ้าอโศกมหาราชจึงสั่งให้สร้างพระสถูปครอบบริเวณนั้นลง แต่สมัยต่อมาเมืองกุสิรานาถูกรุกรานและพระสถูปองค์นี้ถูกทำลายลงเหลือเพียงแต่ซากปรักหักพัง ภายหลังได้มีการค้นพบเป็นซากพระสถูปขนาดใหญ่ดังที่เห็นในปัจจุบัน ซึ่งต่อมารัฐบาลอินเดียได้เข้ามาบูรณะซ่อมแซมพระสถูปองค์นี้ไว้อย่างดี
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ที่พัก
พักที่ : Holiday Inn Hotel หรือระดับเทียบเท่า
**(โปรดเตรียมหนังสือเดินทางไว้กับตัวเพื่อประทับตราออกจากประเทศอินเดีย เข้าสู่ประเทศเนปาล)**
เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
เดินทางสู่ลุมพินี (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง) นำท่านแวะ“พุทธวิหาร สาลวโนทยาน 960” ชายแดน อินเดีย - เนปาล สร้าง “พุทธวิหาร สาลวโนทยาน ๙๖๐” ในความดูแลของวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ - อินเดีย เพื่อเป็นศาลาพักข้างทางของผู้แสวงบุญ มีห้องน้ำห้องสุขา ที่จัดภัตตาหารถวายพระสงฆ์ระหว่างเดินทาง และเป็นศาลาเอนกประสงค์รับประทานอาหารแบบปิกนิก ที่พักดื่มน้ำชา กาแฟ คลินิกปฐมพยาบาลและตู้ยาสามัญ
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ระหว่างทาง
นำท่านเข้าสู่ที่ประสูติของพระพุทธองค์ ณ “สวนลุมพินีวัน” ในอดีตเป็นอุทยาน ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์ และ กรุงเทวหะ พระพุทธมารดา พระนางสิริมหามายา ซึ่งประทับอยู่กรุงกบิลพัสดุ์ขณะที่ทรงพระครรภ์แก่ ได้เสด็จประพาสสวนพร้อมด้วยข้าราชบริพาร ระหว่างทางเกิดประชวรจะมี พระประสูติกาล ราชบริพารจึงจัดที่ประสูติถวายภายใต้ต้นสาละ ประสูติพระโอรส คือ สิทธัตถกุมาร ณ สถานที่นี้ปัจจุบันมีเสาหินของพระเจ้าอโศกปรากฏอยู่ ก่อนหน้านี้มีต้นโพธิ์และวิหารมายาเทวี นมัสการสถานรอยพระพุทธบาทที่ประทับลงมายังพื้นปฐพีเป็นครั้งแรก เจริญพระพุทธมนต์ เจริญสมาธิภาวนา แล้ว ชมหินสลักภาพประสูติ ชม “เสาอโศก” และ “สระโบกขรณี”
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ที่พัก
หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่แหล่งช้อปปิ้งให้ท่านได้มีเวลาเลือกซื้อสินค้าที่ระลึกจากกรุงเดลลีก่อนเดินทางกลับ
พักที่ : Holiday Inn Hotel หรือระดับเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
08.00 น. นำท่านเดินทางสู่ เมืองสาวัตถี ระยะทางประมาณ 270 กิโลเมตร(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7-8ชั่วโมง) ชายแดน อินเดีย - เนปาล จากนั้นประทับตราหนังสือเดินทางเพื่อผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ระหว่างทาง
ถึง สาวัตถี หรือ ศราวัสตี (Sravasti) สมัยพุทธกาลเป็นเมืองหลวงของแคว้นโกศล ชมสถานที่พระพุทธองค์แสดง ยมกปาฏิหาริย์ มีลักษณะเป็นเนินดินสูงประมาณ 50 เมตร ที่แห่งนี้พระพุทธองค์ทรงแสดงยมกปาฎิหารย์เพื่อโปรดประชาชนชาวสาวัตถีและข่มเจ้าลัทธิอื่นๆ หลังจากนั้นทรงเสด็จไปประทับจำพรรษาที่ดาวดึงส์ เมื่อออกพรรษา ทรงเสด็จลงจากสวรรค์ในวันเทโวโรหนะ ที่สังกัสสะนคร
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ที่พัก
พักที่ : Holiday Inn Hotel หรือระดับเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
08.30 น. นำท่านสู่ “วัดเชตวันมหาวิหาร” ที่ซึ่งพระพุทธองค์ประทับจำพรรษา นานถึง 19 พรรษา เป็นศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ที่สำคัญที่สุด นมัสการพระคันธกุฎี ฤดูร้อน ฤดูหนาวและฤดูฝน นมัสการ ธรรมศาลา ที่ใหญ่ที่สุด ธรรมสภา กุฏิพระอรหันต์ เช่น พระโมคคัลลา พระสารีบุตร พระสิวลี พระอานนท์ พระราหุล พระองคุลิมาล พระมหากัสสปะ และอารามฝ่ายพระภิกษุที่เคยจำพรรษาในครั้งพุทธกาล
นมัสการ “อานันทะโพธิ์” ต้นโพธิ์ ที่มีอายุยืนยาวมาจนถึงปัจจุบัน ชมคฤหาสน์ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี บ้านบิดาของท่านองคุลิมาล ชมสถานที่ ธรณีสูบพระเทวทัตและนางจิญจมาณวิกา
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหาร
13.00 น. เดินทางสู่เมืองอัคระ (ระยะทางประมาณ 290 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมงแล้วแต่สภาพการจราจร)
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ที่พัก
พักที่ : Holiday Inn Hotel หรือระดับเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
08.00 น. นำท่านชม “ทัชมาฮาล” 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ทัชมาฮาลได้รับสถานะเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโกในปี 1983 สถานที่นี้คนทั่วไปต่างรู้กันว่าเป็นอนุสรณ์แห่งความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนี้ เกิดจากความรักที่ไม่ลืมหูลืมตาและความเศร้าที่สุดแสนจะคณานาของจักรพรรดิชาห์ จาฮัน กษัตริย์องค์ที่ 4 แห่งราชวงศ์ โมกุล (Mughal Empire India) ที่ปกครองอินเดียในช่วงศตวรรษที่ 16 จนถึงช่วงกลางศตวรรษที่ 19 พระเจ้าชาห์ จาฮัน ได้พบกับบุตรสาว อรชุมันท์ พานุ เพคุม บุตรสาวของรัฐมนตรีเมื่ออายุ 14 พรรษา และหลงรักนางตั้งแต่แรกเจอต่อมาในอีก 5 ปี พระองค์และอรชุมันท์ พานุ เพคุมก็ได้อภิเษกสมรสกันในปี พ.ศ.2155 นับตั้งแต่นั้นมาทั้ง 2 ก็ไม่เคยอยู่ห่างกันอีก พระเจ้าชาห์ จาฮัน ประกาศให้ชาวโลกได้รับรู้ถึงความรักอันบริสุทธิ์ และมั่นคงตราบฟ้าดิน ที่พนี่ระองค์มีต่อพระนางมุมตัส มาฮาล โดยบอกเล่าผ่านทางหินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์ที่ได้เลือกสรรมาอย่างดีการสร้างครั้งนี้ใช้แรงงานผู้คนมากมายกว่า 20,000 คน ราชสมบัติส่วนใหญ่ที่มีได้สูญเสียไปกับ การสร้างอนุสรณ์แห่งความรักของพระองค์กินเวลานานถึง 22 ปี อนุสรณ์แห่งความรักอันยิ่งใหญ่ก็เสร็จสมบูรณ์อย่างงดงาม และพระองค์ก็ทรงให้ชื่อว่า "ทัชมาฮาล" (Taj Mahal)
ทางเข้าชม “พระราชวังอัคราฟอร์ด” ซึ่งสวยงามวิจิตร เคยประดับด้วยเพชรนิลจินดา เป็นพระราชวังที่สวยงาม มีบริเวณกว้างใหญ่ใช้เวลาในการก่อสร้างถึง 3 สมัย ภายในอัคราฟอร์ดมีห้องที่สวยงามที่สร้างด้วยหินอ่อน แกะสลักฝังอัญมณีโดยรอบ ชม “ห้องมุมแปดเหลี่ยม” ซึ่งเป็นห้องที่สำคัญที่สุดและสวยงามที่สุดในราชวังแห่งนี้และภายในห้องนี้ท่านจะได้พบกับสถานที่ที่พระเจ้าชาร์จาฮันถูกลูกชายจับมาขังไว้จนสิ้นพระชนม์
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหาร
13.30 น. นำท่านสู่ กรุงนิวเดลลี ระยะทาง 203 กิโลเมตร (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง)
18.00 น. ถึงเดลลี นำท่านชม “กรุงเดลลี” เมืองหลวงของประเทศอินเดีย นำท่านสู่ย่านราชปติภาวัน เปรียบเทียบศิลปะการก่อสร้างซึ่งรับวัฒนธรรมของอังกฤษเอาไว้มาก ชมการวางผังเมืองที่ทันสมัยและสวยงามตามแบบวัฒนธรรมอังกฤษ ผ่านชม ชม ตึกที่ทำการของคณะรัฐบาล “ทำเนียบประธานาธิบดีราษฏร์ปติภาวัน” (Rashtrapati Bhawan) ซึ่งปัจจุบัน ใช้เป็นที่พำนักของท่านประธานาธิบดีอินเดียกลางกรุงเดลลี ที่ก่อสร้างด้วยหินทรายแดงรูปร่างทรงกลมสไตล์กรีกโบราณ ศิลปะผสมกลมกลืนระหว่าง ศิลปะอินเดีย ศิลปะโมกุล และศิลปะตะวันตก ชม “ประตูเมืองอินเดีย” (Indian Gate) ประตูชัยที่สร้างขึ้นเลียนแบบประตูชัยของปารีส เพื่อเป็นอนุสรณ์ระลึกถึงทหารที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหาร
อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งเลือกซื้อของขวัญของฝาก
22.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินนานาชาติ เมืองเดลลี เพื่อผ่านพิธีการเดินทางออกนอกประเทศ เดินทางกลับสู่ประเทศไทย
02.15 น. ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG336
07.45 น. เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ “พร้อมความประทับใจ อิ่มบุญ เพิ่มบารมี”
55 หมู่ 6 ดอนเปา แม่วาง เชียงใหม่ 50360